Saturday 1 December 2012

ร้านชาระมิงค์ทีเฮาส์สยามศิลาดล ชาไทยไม่แพ้ชาติใดในโลก





ด้วยความที่ชอบดื่ม กาแฟ และ ชา เมื่อได้มีโอกาสไปเที่ยวในที่ต่างๆ ก็จะเสาะหาร้านกาแฟที่น่านั่ง บรรยากาศดี ชิลล์ ชิลล์ วันนี้ก็เลยจะมาแนะนำร้านชาชื่อดัง ที่ขอบอกว่าต้องมา check in ถ้าได้มาเที่ยวเชียงใหม่ ไม่มาแล้วจะเสียใจนะจ๊ะ 
เห็นกาชาและถ้วยชาแบบนี้แสดงว่ามาถึงแล้วครับ

ร้านชารระมิงค์ ทีเฮาส์ สยามศิลาคล เปิดมาแล้วจะ 10 ปี เห็นชื่อร้านยาวๆแบบนี้ รับรองคุณภาพก็เยี่ยมไม่แพ้กันครับ โดยร้านชาแห่งนี้เป็นบ้านไม้สักเก่า สไตล์โคโลเนียล 2 ชั้น มีอายุเกือบร้อยปี ได้รับอิทธิพลการตกแต่งแบบตะวันตก แบบเรือนขนมปังขิงที่มีลวดลายไม้ฉลุประดับทั่วอาคาร กลางบ้านเป็นโถงโล่งให้ลมพัดผ่านได้ตามแบบสมัยเก่า และ ด้านหลังจัดเป็นสวนอย่างร่มรื่น
ตั้งอยู่ที่ถนน ท่าแพ จุดสังเกตคือเมื่อตรงเข้ามายังถนน ท่าแพ แล้ว ร้านจะอยู่ขวามือ ตรงข้ามธนาคารกรุงเทพ นั่นเอง





มากไปกว่านั้นที่นี่ยังได้รับรางวัลอนุรักษ์ศิลปะ สถาปัตยกรรมดีเด่น พระราชทานจากสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดา สยามบรมราชกุมารี ในปี 2547 และ รางวัลอาคารอนุรักษ์ดีเด่น ประเภทอาคารเก่าจากสมาคมสถาปนิกสยาม และ เทศบาลนครเชียงใหม่ อีกด้วย
รู้ประวัติแบบนี้แล้วอยากมาเลยชิมิ เค้าไปดูในส่วนของข้างในกันเลยครับ 

ส่วนของหน้าร้านก็จะเป็นในส่วนของเครื่องเคลือบศิลาดล มีทุกอย่างตั้งแต่ ถ้วย ชาม ช้อน ชุดชงชาสวยๆหลากหลายรูปแบบ โคมไฟสวยๆ และอีกหลายอย่างมากมาย
ที่สำคัญทุกอย่างเป็นเครื่องเคลือบศิลาดล เหมาะแก่การเป็นของฝาก ดูดีมี ศิลปะ จริงๆครับ



น่าร้ากกกก อะ



เดินต่อเข้ามาก็จะเป็นจุดที่ผมชอบที่สุด ก็คือทางเดินในห้องโถงของตัวบ้านตรงกลาง ดูคลาสิก สวยงาม แถมมีลมเย็นพัดผ่านมาตลอดให้ชุ่มฉ่ำใจ แถมยังได้ดูการตกแต่งที่สวยงามของลวดลายไม้ไปเพลินๆ รู้สึกว่าตัวเองเป็นชายกลางในบ้านทรายทอง ยังไงก็ไม่รู้ หล่อมาก

โถงทางเดินตรงกลาง



ทำหล่อโดยไม่ปรึกษาใครอยู่ซักพัก ก็เริ่มอยากชิมกาแฟที่นี่แล้วว่าจะโดนหรือป่าว ก็เดินเข้าไปสั่งกันเลยดีกว่าครับ ให้มันรู้หมู่รู้จ่า รู้กิฟท์รู้หวีกันไปเลย



บริเวณเคาน์เตอร์  ตกแต่งได้เรียบง่าย น่ารักดีครับ



พอเข้ามานั่งแล้ว น้องพนักงานที่นี่ก็มารับorder ด้วยการบริการที่ดีเป็นกันเองครับ ผมก็สั่ง คาปูชิโน่ เย็นมาชิมให้หายอยากก่อนเลย จิบแรกที่ได้ชิมก็ต้องกดlikeให้ไปเลยคับ รสชาติเข้มข้นสไตล์กาแฟอาราบิก้า หอมหวนทั้งจากนมและตัวกาแฟ หวานกำลังดี สวรรค์น้อยๆของผมไปเลย กาแฟผ่านไปแล้วต้องลองสั่งเค้กมาชิมดูหน่อย Signature เค้กที่ทางร้านแนะนำก็คือ เค้กชาเย็น แต่ทำแบบไม่เย็นชา อันหลังนี้ผมเพิ่มเองครับ

เค้กชาเย็น อร่อยจริงอะไรจริง
มี Cake ให้เลือกทาน ทั้ง Blondie Almond, Brandy Raisin, Banana Brownie น่ากินทั้งนั้นเลย




น่ากินมากครับ
เค้กชาเย็นที่นี่ทางร้านเค้าคิดค้นขึ้นมาเอง หน้าตาดี ชุ่มหน้าไปด้วยเนื้อครีมชา และ สีแบบชาเย็น รสชาติหอมชา หวานกำลังดี ไม่ผิดหวังเลยครับ นอกเหนือไปจากนั้นที่นี้ก็มีเมนูที่เป็นเครื่องดื่มจากชาอีกหลากหลายให้เลือก ซึ่งผมไม่เคยเห็นร้านไหนมีให้เลือกเยอะแบบนี้มาก่อน เช่น ชาระมิงค์น้ำผึ้ง ที่ผมได้ชิมก็เด็ดไปเลยครับ รวมถีงที่นี่ยังมีเมนูอาหารไทยและฝรั่งที่หลากหลาย และที่สำคัญทุกอย่างเจ้าของร้านนำชามาเป็นส่วนผสมอีกด้วย เช่น แกงเขียงหวานที่มีส่วนผสมของชาเขียว และ แกงแพนงที่มีส่วนผสมของชาดำ  ใส่เนื้อลำใยอีกต่างหาก อยากกินเลยใช่มั้ยครับ
ว่าแล้วเราก็ไปเดินดูบรรยากาศรอบๆร้านกันบ้างดีกว่า


มุมน่ารักในร้าน


ของตกแต่งน่ารักๆ

รู้สึกเหมือนนั่งอยู่ในบ้าน สบายๆ




มุมระเบียงน่านั่งอีกจุดนึง โรแมนติกมาก








บรรยากาศที่แสนร่มรื่นในสวนหย่อม










ยังไงลองไปกันดูนะครับ รับรองไม่ผิดหวังแน่ เป็นร้านชาที่มีเครื่องดื่มหลากหลาย การบริการที่ดี และอาหารที่อร่อยไม่เป็นสองรองใคร 
ที่สำคัญผมว่าบรรยากาศแบบนี้หาที่ไหนไม่ได้แล้วจริงๆ ใครพาครอบครัวมาก็ต้องชอบ พาสาวมารับรองจีบติด พาแฟนมาแฟนรักแฟนหลง ไชโยโฮ่ฮิ้วคร้าบบบบบ

















Tuesday 23 October 2012

เที่ยวดอยอินทนนท์ แบบ หนาว หนาว 2







ขอเล่าต่อกันเลยนะครับ หลังจากเข้ามาถึงหมู่บ้านแม่กลางหลวงแห่งนี้แล้ว ก็ต้องมาติดต่อ บ้านผู้ใหญ่ของที่นี่ก่อน ซึ่งก็ถือว่าเป็น จุดเริ่มต้นของการเดินเท้าเพื่อการเรียนรู้






ตัวบ้านของผู้ใหญ่ก็เป็นบ้านไม้ หลังคามุงด้วยวัสดุจากธรรมชาติ บรรยากาศดู ชิล ชิล มาก
เข้ามาถึงก็ต้องประทับใจกันอีกแล้วกับการต้อนรับด้วยกาแฟอาราบิก้าแท้ 100% ที่ชาวหมู่บ้านแห่งนี้เค้าปลูกกันเอง บดกันเห็นๆ จะๆ และ วิธีชงกาแฟสดของที่นี่ ไม่ธรรมดาจริงๆครับ ต้มน้ำด้วยกองไม้สุมไฟ แล้วก็นำกาแฟที่บดสดๆ มากรอง แล้วก็ชงเสิรฟ์ได้เลย รสชาติเข้มข้น ถูกใจ คอกาแฟแบบผมที่สุด ผมก็ไม่รู้ว่าจะเรียกไอ้เครื่องนี้ว่าอะไร แค่รู้ว่ามันเท่ห์มากครับ



 เครื่องบดกาแฟที่ได้ใจผมไปเลยคับ

ต้มน้ำกับกองไม้กองฟืน




ให้นายแบบลองทำดูบ้าง 

Classic จริงๆครับ




พอลิ้มลองกาแฟเสร็จแล้ว ก็ถึงคราวที่ผู้ใหญ่จะเริ่ม brief  พวกเราถึงเส้นทางการเรียนรู้แห่งนี้ ดูแกมีความสุขมากๆ เมื่อมีแขกมาเยือน และ ได้มาชมธรรมชาติและสิ่งต่างๆที่แกได้รักษาไว้ เจอคนแบบนี้ผมอยากจะขออนุญาตเอานิ้วโป้งประทับลงบนหน้าอกข้างซ้ายของผู้ใหญ่ แล้วกด Like ให้ไปเลยครับ หัวใจพี่ผู้ใหญ่หล่อมาก เส้นทางการเดินก็จะมีระยะทาง 3 กิโลเมตร ซึ่งจะใช้เวลาประมาณ 3-4 ชั่วโมง โดยจะมีชาวบ้านที่รับอาสาเป็น ไกด์นำเที่ยวคิดค่าบริการเพียง 200 บาท จากจุดเริ่มต้นก็จะผ่านป่าใหญ่อันอุดมสมบูรณ์ เดินไปก็รู้สึกเหมือนเข้าไปอยู่ในฉากหนัง AVATAR ยังไงยังงั้นเลย ไฮไลท์ของทริปนี้ ก็จะมี น้ำตกดอกผาเสี้ยว ขั้นที่ 7 หรือ น้ำตกรักจัง ซึ่งชื่อนี้มาจากที่นี่เคยเป็นสถานที่ถ่ายทำ หนังเรื่องรักจัง
ที่ฟิลม์ รัฐภูมิ เล่นคู่กับ แอนนี่ บรู๊ค อิอิ ล้อเล่น พอลล่าคับ




ออกเดินทาง กายพร้อมใจพร้อม


บรรยากาศผืนป่า งดงามมากครับ

เดินชื่นชมผืนป่ามาได้ซักพัก ก็จะมาถึงน้ำตกผาดอกเสี้ยว ขั้นที่ 9 แค่ขั้นนี้ผมก็ว่าสุดยอดแล้วครับ ลองจุ่มน้ำดูก็เย็นชื่นใจ อากาศก็ดี เหมือนได้มา detox รู้สึกผ่อนคลาย ลืมเรื่องงานอันแสนเหน็ดเหนื่อยจากเมืองหลวงไปเลยทีเดียวเชียว



น้ำตกผาดอกเสี้ยว ขั้นที่ 9



ใช้เวลาอยู่ที่นี่เกือบ 20 นาที ก็ออกเดินทางต่อระหว่างทางเดินไป ก็จะมีสายน้ำตกไหลเรื่อยๆผ่าน โขดหินน้อยใหญ่ไปตลอดทาง



ต่อไปเราก็จะเดินทางไปยังน้ำตกผาดอกเสี้ยว ขั้นที่ 7 หรือ น้ำตกรักจังสถานที่ถ่ายทำ หนังเรื่องรักจัง กันเลย ระหว่างทางเดินไปเส้นทางก็ออกแนว adventureใช้ได้ มีทั้งทางเดินที่เริ่มแคบลง ต้องเดินลงแนวเขาที่ลาดลงไป ค่อนข้างชัน แต่ก็ไม่ถึงกับลำบากจนอันตราย แต่ทำให้รู้สึกตื่นเต้น ได้เหงื่อดี อากาศในตอนสายนี้ ความหนาวก็ลดน้อยลง และ เริ่มมีแสงแดดอ่อนๆ ผ่านแนวต้นไม้ใหญ่ลงมา Romantic มากครับ



ใครชอบแนว adventure ไม่ผิดหวังแน่นอนคับ


เดินมาได้เกือบ 15 นาที ก็ถึงน้ำตกรักจังแล้วครับ ผมรีบมองหา น้องพอลล่าอย่างจริงจังเมื่อมาถึง แต่สุดท้ายก็ไม่พบครับ ความงามของน้ำตกรักจัง นี่สวยงามเกินบรรยาย อย่าลืมมาเที่ยวกันนะครับ







ออกจากจุดเริ่มต้นตั้งแต่ตอนเกือบ 11 โมง ถึงตอนนี้ก็บ่ายโมงนิดๆแล้ว ท้องเริ่มร้อง ก็เลยต้องจัดข้าวเหนียวพร้อมไก่ย่าง หมูย่าง ที่ซื้อมาจากน้ำตกวชิรธารมารองท้องกันไปก่อน ^^

กินไปก็รู้สึกว่าตัวเองเป็น พี่ติ๊กมาถ่ายทำรายการ Navigator ไป  มีฟามสุขที่สุด


อิ่มท้องกันแล้วก็ไปต่อกันเลยครับ ต่อไปก็เป็นทุ่งนาขั้นบันได ซึ่งก็จะเป็นการเดินออกจากแนวป่าใหญ่ไป ตอนแรกที่ได้ยินก็คิดว่าจะไปดูมันทำไมทุ่งนาเนี่ย ไม่เหมาะกับคนมี style แบบเรา แต่พอเห็นแล้ว โอ๊ พระเจ้าจอรจ์มันยอดมาก พี่ไกด์ยังบอกว่าทุ่งนาแห่งนี้ ได้รับความนิยมเป็นสถานที่ถ่ายทำ หนัง หรือ ฉากใน Production ต่างๆมาหลายครั้งแล้วอีกด้วย



สวยใช่ม้ายยยย



ชื่นชมความสวยงาม ทุ่งนาขั้นบันไดเสร็จ ควาวนี้ก็จะเป็นเส้นทางสุดท้ายอีกประมาณ ซักครึ่งชั่วโมงก็จะถึงจุดสิ้นสุดครับ ระหว่างทางก็จะมีทั้ง แปลงดอกไม้เมืองหนาวขนาดใหญ่ ต้นกาแฟอาราบิก้า ไปตลอดทางเดิน ดูแล้วแสนสบายตา และ สบายใจ



วิวสวยๆ เมืองไทยของเราเอง

ต้นกาแฟ อาราบิก้า

เห็นระฆังโบสท์เมื่อไหร่ แสดงว่าถึงทางออกแล้ว 

ในที่สุดก็ถึงจุดสิ้นสุด ตลอดเวลาเกือบ 4 ชั่วโมง แปลกครับที่ผมไม่รู้สึกเบื่อหรือเหนื่อยเท่าไหร่เลย คงเป็นเพราะอากาศที่บริสุทธิ์ วิวที่สวยงาม ทำให้ผมลืมเวลาไปเลย พูดไปสองไพเบี้ยไว้มาเที่ยวเองแล้วจะรู้ครับ 5555555

เมื่อมาถึงทางออกก็มีน้องหมามารอรับอยู่


มีร้านกาแฟสดอยู่ที่ปากทางออกด้วย